ขนมจัดเบรก / snack box / ขนมจัดเลี้ยงงานต่าง ๆ
ขายส่งเครปเย็น เครปโรล (ราคากันเอง ไม่แพงจ้า)
บ้านส้มซ่าภูเก็ต(สอนทำเบเกอรี่)
แจ้งรายการส่งของลูกค้า(กระทู้)
ตรวจสถานะ ได้หลังจากฝากส่ง 24 ชม.โดยกรอกเลข 13 หลัก..ลงท้ายด้วย TH
* ไปรษณีย์ไทย (เช็คพัสดุ/EMS)
จำการเข้าใช้งาน
ขนมไทย อร่อย ๆ มาแล้วจ้า มะช่ายหม้อแกงเผือก ไม่ใช่หม้อแกงไข่ และไม่ใช่หม้อแกงถั่ว แต่นี่คือหม้อแกงฟักทอง นวัตกรรมใหม่ ^^” ของพ.ศ.นี้ อิอิ ว่าเข้าไปนั้น ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ จริง ๆ กะจะทำหม้อแกงเผือกไปวัด เตรียมของทุกอย่างได้ครบหมดยกเว้นเผือกดันไม่มี ทำไงดีน้าเลยมั่วเอาค่ะคิดว่าฝักทองน่าจะใช้แทนกันได้ แหม ๆ เป็นแปลก ๆ แบบนี้แต่รับประกันความอร่อยนะจ๊ะ^^” สูตรนี้ดูและดัดแปลงมาจากหนังสือขนมไทยของแม่บ้าน และเวปพี่จุ๋มแม่สลิ่มแห่งห้องก้นครัวค่ะ ขอบคุณ มาก ๆ เลย
สูตรนี้ได้ขนมหม้อแกงใส่ถาดคือถาดเล็กเส้นทะแยงมุม 6 นิ้ว ประมาณ 3 ถาดนะจ๊ะ ควบคุมการผลิตโดยแม่ประยงค์ค่ะ หม้อแกงแบบนี้จะเหมือนทางเพชรบุรีอะค่ะ พอดีที่นี่จะหาทานยากมาก เลยอยากทำไปทำบุญค่ะ ^^”
ส่วนผสม (ลอกจาพี่จุ๋มแม่สลิ่มมาค่ะ^^”)1. หัวกะทิ 400 กรัม 2. ไข่เป็ด 5 ฟอง3. น้ำตาลปีบ 280 กรัม4. ฟักทองนึ่งสุก 200 กรัม หรือเผือกนึ่ง หรือถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก5. แป้งข้าวจ้าว 10 กรัม6. หัวหอมแดง (สำหรับทำหอมเจียว)7. น้ำมันพืช (สำหรับเจียวหอม)8. ใบเตย สำหรับขยำสังขหยาค่ะ ส้มใช้ 8-12 ใบเลย
ลุยกันเลยจ้า..
1.อันดับแรกก็ต้องนึ่งฟักทองให้สุกก่อนค่ะ นึ่งไฟแรงประมาณ 10-12 นาที พอดีแม่เค้าหั่นไว้ให้เป็นชิ้นกลาง ๆ แม่บอกว่ามันจะทำให้สุกง่ายและยีเนื้อง่ายค่ะ (จริง ๆคุณแม่งงมาก ตอนบอกจะทำหม้อแกงฟักทอง 55 แม่บอกมีด้วยเหรอ แล้วจะกินได้ป่าวเนี่ย คุณแม่เค้าถนัดแต่หม้อแกงแบบโบราณค่ะ เพราะที่บ้าน(ที่นครศรีฯ) เวลามีงานมงคลเค้าจะแจกขนมหม้อแกงแทนข้าวเหนียวสังขยาค่ะ ตอนพี่สาวส้ม(ลูกคุณป้าแต่งงาน)ส้มต้องตื่นมาขยำหม้อแกงตั้งแต่มี 3 โดยมีคุณป้า คุณยาย อายุรวมกัน เกือบ 200 ปี คุมการผลิต 555 หากมีโอกาสไว้จะให้แม่ทำให้ชมนะจ๊ะ
2.เตรียมทำหอมเจียวไว้ก่อนค่ะ นำหอมแดงมาซอยหั่นบาง ๆ ปริมาณตามชอบ
3.จากนั้นตั้งกะทะใส่น้ำมันเยอะนิดนึงค่ะ ไฟกลางรอให้พอร้อน
4.เจียวหอมค่ะ ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้องคนตลอดเวลา เพื่อให้หอมเจียวสีเสมอกันและไม่ไหม้ค่ะ
5.พอเหลืองยกขึ้นพักในกระชอนค่ะ รอให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นนำมาใส่จานเตรียมไว้ก่อน
6.น้ำมันเจียวหอม กรองไว้ต่างหากค่ะ ส่วนจะเอาไปทำอะไรนั้น รอชมนะจ๊ะ ^^”
7. ฟักทองที่นึ่งสุกแล้วมำเลือกออก (เหตุที่ส้มไม่ได้นำเปลือกออกตั้งแต่ตอนนึ่งเพราะว่ากลัวมันจะเละไปเวลานึ่ง แล้วมันจะไม่อยู่ตัวค่ะ ) ส้มนำฟักทองใส่ชามสแตนเลส(เอาเปลือกออกก่อน) จากนั้นนำส้อมมายีค่ะ หากไม่กลัวร้อน แนะนำว่าให้ล้างมือให้สะอาด แล้วใช้มือดีที่สุดค่ะ ^^” พักเนื้อฟักทองไว้ก่อนค่ะ
8.เตรียมนำไข่เป็ดค่ะ ตอกใส่ชามไว้ (ใข่สดมาก^^”)
9.ข้อดีของการใช้ใบเตยเยอะ ๆ (จากประสบการณ์ที่เคยขยำสังขยามา^^” ) ทำให้ขยำง่าย และไข่ขึ้นได้ดีขึ้นค่ะ นำใบเตยใส่ลงไปในไข่ จากนั้นใช้มือขยำ ๆ ๆให้ไข่ขึ้นฟูค่ะ ขยำประมาณ 5-8 นาที หรือจนไข่ขึ้นฟอง(ฟูนะจ๊ะ)
10.จากนั้นเติมน้ำตาลปี๊บลงไปค่ะ แล้วขยำกับใบเตยอะค่ะ ไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายหมดนะจ๊ะ
11.ไข่ฟูเต็มใช้ได้แล้วค่ะ ^^’ (ค่อนข้างถ่ายวิธีทำยากนิดนึงค่ะ เนื่องจากส้มถนัดขวา และค่อนข้างเลอะเทอะนิดนึง ^^”)
12.จากนั้นเติมกะทิลงไปค่ะ ขยำ ๆ ให้เข้ากันอีกครั้งค่ะ
13.เตรียมผ้าขาวบาง และกระชอนไว้ค่ะ เราจะกรองสังขยากันแล้ว
14.หยิบใบเตยชิ้นใหญ่ ๆ ออกให้หมดค่ะ จากนั้นเทส่วนของสังขยาลงไปในผ้าขาวบางที่เราเตรียมวางไว้บนกระชอน กรองเอาเศษใบเตยที่แตก ๆ และน้ำตาลที่มันอาจจะละลายไม่หมดออกให้หมดเลยนะจ๊ะ
15.กรองออกมาได้แบบนี้จ้า... (หอมมากๆ ) ตอนนี้ให้เริ่มเปิดเตาอบเลยนะจ๊ะ อุ่นเตาไว้ก่อนไฟบน-ล่าง อุณหภูมิ 180 องศาค่ะ (เตรียมไว้อบหม้อแกงกัน)
16.เนื้อฟักทองค่ะ นำแป้งข้าวเจ้าใส่ลงไปนิดนึง
17.จากนั้นคน ๆ ให้เข้ากันด้วยช้อนค่ะ (ทำเพื่อไม่ให้เนื้อฟักทอง/เผือก/ถั่ว อยู่ตัวและเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ)
18.นำเนื้อฟักทองใส่ลงไปในเนื้อสังขยาเลยค่ะ
19.ให้มือนวดอีกครั้งค่ะ ให้เนื้อฟักทองเข้ากันกับสังขยา
20.เรียบร้อยแล้วค่ะ (จริง ๆ แค่นี้ก็เตรียมนำไปอบได้แล้วนะจ๊ะ แต่หากเป็นสูตรโบราณเค้าต้องนำไปกวนก่อนค่ะ เพื่อให้เนื้อขนมเข้ากันไม่แยกตัวกันเป็นชั้น หากเป็นหม้อแกงที่ขายกันยุคปัจจุบันตอนเราตักขนมจากถาดจะสังเกตได้ว่าขนมแยดเป็นชั้น ๆ ค่ะ นั่นเป็นเพราะเค้าไม่ได้ทำแบบวิธีโบราณ(คือกวนก่อน)) แต่ถ้าถามส้มนะ ส้มชอบแบบเป็นชั้นมากกว่าค่ะ มันแยกกินได้อะ ^^” อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าเอาตามมี่เราชอบละกันค่ะ แต่วันนี้ทำแบบโบราณครบสูตรนะจ๊ะ เสียเวลานิดแต่อร่อยจริง ๆ ค่ะ
21.เทขนมใส่กะทะทองค่ะ เคล็ดลับความอร่อยให้เติมน้ำมันที่เราเจียวหอมลงไปประมาณ 1 -2ช้อนโต๊ะนะจ๊ะ ขนมจะหอมมัน(แต่ไม่เลื่อนนะ) มากเลยค่ะ จากนั้นนำไปตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อน กวนพอข้นค่ะ ต้องคนตลอดเวลานะจ๊ะ ไม่งั้นเนื้อขนมอาจติดได้ค่ะ พอข้นแล้วปิดไฟยกลงเลยค่ะ แล้วกวนต่ออีกหน่อยให้พออุ่น ๆ (หากไม่มีกะทะทองใช้หม้อหรือกะทะธรรมดาได้เลยนะจะ ทำเหมือนกันค่ะ)
22. เตรียมถาดค่ะ ส้มใช้ถาดสำหรับหม้อแกง-บ้าบิ่นโดยเฉพาะ ขนาดเส้นทะแยงมุมประมาณ 6 นิ้วค่ะ นำน้ำมันจากการเจียวหอมมาทาถาดให้ทั่วนะจ๊ะ ทาให้ถึงขอบด้วยนะ ใช้แค่ 3 ถาดน่าจะพอดีค่ะ หาก 4 ถาดขนมจะบางไปค่ะ ^^”
22.ส้มค่อนข้างงกค่ะ^^” เลยตักไว้ตั้ง 4 ถาด ซึ่งขนมค่อนข้างบางไปนิดนึงค่ะ หากเพื่อน ๆทำ แนะนำแค่ 3 ถาด กำลังดีนะจ๊ะ
23.นำเข้าเตาอบเลยค่ะ ผิงไฟประมาณ 20-22 นาทีนะจ๊ะ
24.ประมาณ 22-25 นาทีค่ะ นำขนมออกมาก่อนค่ะ (เกือบสุกแล้วละ)
25. นำหอมเจียวที่เราเจียวไว้ หรือหากบางท่านไม่ชอบ จะเปลี่ยนเป็นเม็ดบัว หรือเนื้อฟังทองก็ได้ค่ะ โรยมาก-น้อยตามชอบค่ะ จากนั้นนำเข้าไปผิงไฟต่ออีก 2-3นาทีค่ะ
26. สุกแล้วจ้า.. หอมมาก ๆ เลย พักไว้ให้คลายเย็นนะจ๊ะ
27. ตักให้ดูเนื้อขนมค่ะ อร่อยมาก ๆ เลย ขนมไม่หวานนะจ๊ะ ยิ่งแช่เย็นยิ่งอร่อยค่ะ เพื่อน ๆลองทำดูนะจ๊ะ คราวหน้าจะทำหม้อแกงเผือกแบบไม่กวนดูบ้างค่ะ หากได้ผลประการใดจะนำมาลงให้ชมกันนะจ๊ะ : ทำด้วยใจให้ด้วยรักค่ะ
❮ กลับหน้าแรก หมวดขนมไทย ❯