ว่าด้วยเรื่องของขนมมีรู (เทคนิคการทำโดนัท)

1.โดนัทยีสต์  :  ลักษณะเนื้อขนมเหนียวเหมือนขนมปัง นุ่ม ฟู  วีธีการผสมจะเหมือนกับการทำขนมปัง เพียงแต่นำขนมมาทอดแทนที่จะใช้การอบ
2.โดนัทเค้ก :  ลักษณะเนื้อขนมจะนิ่มเหมือนเนื้อเค้ก แต่เนื้อจะแน่นกว่า  สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

 
     1.  โดนัทหยอด  ลักษณะส่วนผสมจะเหลวเหมือนเนื้อเค้ก นำไปหยดใส่พิมพ์โดนัทแบบไฟฟ้า (โดนัทจิ๋ว) หรือใส่เครื่องหยอดโดนัท แล้วนำลงทอดก็ได้
     2.  โดนัทแบบกด  ลักษณะส่วนผสมจะแห้งกว่าแบบแรก สามารถนำมาคลึงเป็นแผ่นแล้วให้พิมพ์กดโดนัทกดเพื่อทำรูปร่างตามต้องการได้ 
หมายเหตุ  โดนัทเค้กสามารถตีทิ้งไว้ได้นาน 30 – 45 นาที

การทอดโดนัท กับเนยขาว
- โดนัทเมื่อทอดในเนยขาว(สำหรับทอด) ลักษณะขนมที่ได้จะไม่อมน้ำมัน  ผิวไม่แฉะ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว  เนื่องจากเนยขาวที่ใช้ทอดเมื่อเย็นลงจะแข็งตัวเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวโดนัท ทำให้ขนมไม่แฉะ หรืออมน้ำมัน

เทคนิคในการทำโดนัท
1. การนวดโดนัทยีสต์ควรนวดจนก้อนแป้งเนียน หากนวดน้อยเกินไปจะทำให้ผิวโดนัทไม่เรียบ และดูดซึมน้ำมันมากในขณะทอด
2. ก่อนเจาะรูโดนัทยีสตร์ ควรพักแป้งให้มีการคลายตัวก่อน  หากพักแป้งน้อยเกินไปเวลาเจาะรูขนมจะขาดได้ง่าย
3. อุณหภูมิที่เหมาะสมในการทอดโดนัท ใช้น้ำมันที่ร้อนจัดแต่ไฟอ่อน   หากทอดในน้ำมันที่ไม่ร้อน ขนมจะอมน้ำมัน  และหากใช้ไฟแรงหน้าขนมก็จะมีสีเข้มหรือไหม้ก่อนที่ขนมจะสุก  และอาจทำให้โดนัทแตกตอนทอดได้

4. การทอดโดนัท  ไม่ควรกลับโดนัทไปมาหลาย ๆ หน เพราะจะทำให้ขนมที่ได้มีชิ้นเล็กและอมน้ำมัน
5. การคลุกน้ำตาล ควรคลุกขณะที่โดนัทร้อน หากรอให้โดนัทเย็นจะคลุกไม่ติด
6. การเคลือบไอซิ่ง จะต้องทำขณะโดนัทเย็น หากทำตอนร้อนไอซิ่งจะละลาย
7. โดนัทยีสต์โดยทั่วไปจะทำขายวันต่อวัน ไม่นิยมให้ขนมค้างคืนเพราะแป้งจะแข็งทำให้คุณภาพของขนมลดลง
8. โดนัทเค้กสามารถเก็บได้ประมาณ 2 – 3 วัน ขึ้นกับวิธีการเก็บ 
9. โดนัทยีสต์เมื่อทอดสุกแล้วเกิดการเหี่ยว อาจเป็นเพราะ  ส่วนผสมแป้งเหลวเกินไป ทำให้โครงสร้างของแป้งไม่อยู่ตัว  หรือใส่ยีสต์มากเกินไปทำให้โดนัทขึ้นเร็ว  หรืออุณหภูมิของน้ำมันสูงเกินไป ขนมอาจเหี่ยวได้เนื้องจากยังไม่สุกดี